ฆ่าไม่ตายนาฬิกาสภาฯ ราคาเจ็ดหมื่น-ไมโครโฟนแสนสอง จนนายกฯ ตู่ต้องสั่งเบรคตัวโก่ง

ครม.ตีกลับงบฯไอที 8 พันล้าน ให้ไปทบทวนใหม่ หลังพบงบซื้อไมโครโฟน แพงเวอร์ 1.2 แสน-นาฬิกา 7 หมื่น "

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.ได้อนุมัติเพิ่มงบฯ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ วงเงิน 512.50 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างอาคารรัฐสภา พร้อมอาคารประกอบ 273.51 ล้านบาท ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 150.45 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการ 88.54 ล้านบาท ทั้งนี้รัฐสภาให้เหตุผลว่า เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อเร่งรัดให้การก่อสร้างเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยในส่วนของห้องประชุมวุฒิสภา ห้องกรรมาธิการ และที่ทำงานบุคลากร กำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 61 ส่วนห้องประชุมสภาผู้แทนฯ และพื้นที่เชื่อมต่อบางส่วนให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 62 เพื่อรองรับการเลือกตั้ง แต่การเก็บรายละเอียดทั้งโครงการ จะต้องเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 62

นอกจากนี้ ครม.ยังไม่อนุมัติงบที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ เสนอขอมา 8,135.56 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินงานด้านอื่นๆ ไปพร้อมกับการก่อสร้างอาคาร งานระบบประกอบอาคาร และระบบเทคโนโลยี และค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน โดย พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯ ฟังความเห็นของสำนักงบฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ระบุว่า ข้อเสนอเรื่องงบประมาณที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคและการตกแต่งภายในทั้ง นาฬิกา ไมโครโฟน ผ้าม่าน ที่เสนอเข้ามาบางทีมีราคาที่สูงเกินไป นาฬิกาเจ็ดหมื่น ไมโครโฟนแสนสองแบบที่เคยมีมาแล้วคงอนุมัติให้ไม่ได้ จึงให้กลับไปทบทวนใหม่

อย่างไรก็ตาม ทาง ครม.ไม่ได้กำหนดว่า จะต้องทำรายละเอียดกลับมาเสนอภายในเมื่อไหร่แต่ทั้งหมดก็ถูกกำหนดด้วย ระยะเวลาการก่อสร้างคือ ส่วนของพื้นที่ทำงานของบุคลากร ห้องประชุมสมาชิกวุฒิสภาต้องแล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค. 2561 ส่วนห้องประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะต้องเสร็จเดือน มี.ค. 2562 เพื่อรองรับการเลือกตั้ง และกรอบเวลาที่ต้องเก็บงานตกแต่งภาคในทั้งหมดต้องเสร็จภายใน ธ.ค. 2562

ทั้งนี้ปัญหานาฬิกาแขวนผนังเคยเกิดเป็นข่าวอื้อฉาวมาแล้วสมัย "รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" โดยมีการของบฯจัดซื้อนาฬิกาแขวนผนังจำนวน 200 กว่าเรือน รวมงบประมาณกว่า 15 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 75,000 บาท ต่อเรือน กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในประเด็นเรื่องความโปร่งใสในการก่อสร้างอาคารัฐสภาแห่งใหม่ จนล่าสุดก็มีการเสนองบฯ เข้ามาอีกครั้ง จนทำให้นายกรัฐมนตรีสั่งเบรคดังกล่าว

#hotnews